พี่สาว อยากหามือทั้ง 2 ข้างของน้องให้เจอ ก่อนพาร่างกลับบ้าน ลั่นรับไม่ได้พ่อผู้ก่อเหตุสัมภาษณ์

พี่สาว อยากหามือทั้ง 2 ข้างของน้องให้เจอ ก่อนเชิญดวงวิญญาณพาร่างกลับบ้าน จ.อุตรดิตถ์ ลั่นรับไม่ได้พ่อผู้ก่อเหตุสัมภาษณ์

กรณี น.ส.วรัญญา (สงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี ถูก นายธนากรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี ฆาตกรรมที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ใน ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี และนำร่างมาทิ้งใต้ทางด่วน เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2567

ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 6 มิ.ย.2567 พี่สาว น.ส.วรัญญา เปิดเผยว่า วันนี้แม่ของน้องนั่งรถมาจาก จ.อุตรดิตถ์ แล้วมาถึงที่รังสิตประมาณ ตี 5 เพื่อมาดำเนินเรื่องรับศพลูกสาว แล้วพาลูกสาวกลับบ้าน พร้อมกับ อยากเจอครอบครัวของ นายธนากรณ์ ผู้ก่อเหตุด้วย แต่คิดว่า คงไม่ได้เจอ

เพราะว่า เมื่อวานช่วงค่ำ ตำรวจสภ.ปากคลองรังสิต ได้เชิญแม่ พี่สะใภ้ พี่ชาย นายธนากรณ์ มาสอบปากคำเพิ่มเติม เพราะพี่ชายกับพี่สะใภ้อยู่ในคืนเกิดเหตุ และได้เผชิญหน้ากันเป็นครั้งแรก

ตนก็ถามอีกฝ่ายไปว่า “อยากจะพูดอะไรกับหนูไหม ลูกพี่ทำน้องหนูตาย ” แต่อีกฝ่ายตอบว่า ”ไม่มีอะไรจะพูด“ และพูดทำนองว่า น้องสาวตนยังไม่เห็นพูดอะไรเลย จากนั้นก็เงียบ แล้วเดินออกไป โดยที่ไม่มีคำขอโทษอะไรออกมาจากปากของอีกฝ่ายเลย ทำให้เรารู้สึกว่า หมดคำจะพูด มองว่า หากต่อไป ครอบครัวจะพูดขอโทษ ก็คงไม่จริงใจแล้ว เพราะหากอยากจะขอโทษจริงๆก็คงจะขอโทษตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรก

อย่างไรก็ตาม ครอบครัวรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และรับไม่ได้กับสัมภาษณ์ของพ่อผู้ก่อเหตุที่บอกว่า น้องสาวของเราก็ทำร้ายลูกชายเค้าเหมือนกัน ซึ่งที่ผ่านมาลูกชายเขาเป็นคนเล่นแรงมากและน้องสาวตนตัวเล็กนิดเดียว เป็นการหยอกล้อเล่นกันตามปกติ

ในส่วนของเรื่องคดีความตอนนี้ที่ตำรวจแจ้งมาคือมี 2 ข้อสันนิษฐานที่ตั้งเอาไว้ คือ

ประเด็นที่1 ผู้ก่อเหตุน่าจะลากน้องสาวของตนเข้าไปในห้องน้ำ ขณะที่น้องสาวกำลังหลับ โดยที่เธอไม่รู้ตัว เนื่องจากว่าน้องสาวของตนป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและทานยา

ประเด็นที่ 2 คือ อาจทำร้ายร่างกายกัน จนน้องสาวไม่มีสติ จากนั้นลากน้องเข้าไปในห้องน้ำ แต่ประเด็นดังกล่าวนี้ ตำรวจบอกว่า เป็นไปได้ยาก เพราะว่าในห้องไม่มีการต่อสู้กันเลย

มองว่าผู้ก่อเหตุ มีสติในขณะที่ก่อเหตุ ดังนั้น ที่บอกว่าเป็นผู้ป่วยจิตเวช ไม่น่าจะทำให้คดีดูเบาลงได้ เนื่องจากที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุออกมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ขณะที่รักษาตัว ครอบครัวผู้ก่อเหตุไม่ได้มาสนใจ มีเพียงน้องสาวตนที่เป็นคนพาไปหาหมอที่โรงพยาบาล

นอกจากนี้ยังมองว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับน้องสาวครั้งนี้ผู้ก่อเหตุได้วางแผนมาก่อนแล้ว เพราะว่าตนทราบมาก่อนว่า ผู้ก่อเหตุเคยมัดมือมัดเท้าน้องสาวของตนมาก่อน และเคยพูดลักษณะข่มขู่ว่า “ถ้าจากเป็นไม่ได้ ก็ต้องจากตาย”

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ สภาพจิตใจ ของครอบครัวย่ำแย่มาก โดยจุดประสงค์ของครอบครัวคือ ต้องการอยากจะหามือทั้ง 2 ข้างของน้องสาวให้เจอ แล้วจะทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ ก่อนที่จะพาน้องกลับบ้านที่จังหวัดอุตรดิตถ์