รวบนักเรียนช่างย่านปทุมวัน นำอาวุธปืนประดิษฐ์ ดัดแปลงลํากล้องมาขาย

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร., พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมออนไลน์ที่กระทำความผิดทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก  ชุดลาดตระเวนออน์ไลน์สืบนครบาลตรวจสอบพบว่า มีผู้ใช้บัญชีเฟสบุ๊ค Wan Chana ในการ ขายอาวุธปืนฯในโลกออนไลน์ ราคา 18,000 บาท เป็นอาวุธปืนดัดแปลง เปลี่ยนลำกล้อง ขนาด .38

เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567 บก.สส.บช.น. พร้อมชุดปฏิบัติการที่ 4 และนักเรียนสืบสวน รุ่น 115 ได้จับกุมตัว นายพิษณุ อายุ 19 ปี ภูมิลำเนา แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร โดยกล่าวหาว่า จําหน่ายอาวุธปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต, มีอาวุธปืนไว้ในความครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธ ปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร

พร้อมด้วยของกลาง 1.อาวุธปืน ( ประดิษฐ์ ดัดแปลงลํากล้อง ) ขนาด .380 จํานวน 1 กระบอก  2.ซองกระสุน จํานวน 1 ซอง สามารถจับกุมได้ที่บริเวณลานจอดรถภายในสถานีบริการน้ำมัน  ถ.เพชรเกษม แขวงบางว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ

พฤติการณ์ ก่อนทําการจับกุมเจ้าพนักงานตํารวจ กก.สส.2 บก.สส.บช.น. และสืบ 115 ได้ออกติดตามสืบสวนหาข่าว เพื่อจับกุมผู้กระทําความผิดที่ลักลอบจําหน่ายอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน โดยใช้สื่อโซเชียลมีเดีย เป็นช่องทางในการติดต่อ ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ ตามคําสั่งของผู้บังคับบัญชา จากการสืบสวนของเจ้าพนักงานตํารวจ กก.สส.2 บก. สส.บช.น. และได้รับแจ้งจากสายลับของ กก.สส.2 บก.สส.บช.น. ให้ข้อมูลว่า นายข้าวฟ่างฯ ใช้บัญชีเฟสบุ๊คในการ ขายอาวุธปืนฯ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ออกสืบสวนติดตามเรื่อยมา

พ.ต.ต.สมพร คําเกตุ สว.กก.สส.2 บก.สส.บช.น. ได้มีสายลับเข้ามาพบและแจ้งว่า มีผู้ใช้บัญชีเฟสบุ๊ค ได้เสนอขาย อาวุธปืน ( ประดิษฐ์ ดัดแปลงลํากล้อง ) ขนาด .380 ในราคา 18,000 บาท โดยนัดหมายให้ มารับ บริเวณลานจอดรถภายในสถานีบริการน้้ำมัน ปตท. ถ.เพชรเกษม แขวงบางว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ พ.ต.ต.สมพรฯ จึงรายงานให้กับผู้บังคับบัญชาทราบเพื่อขออนุมัติในการล่อซื้อ จับกุมผู้กระทําความผิด และได้มอบหมายให้ เจ้าพนักงานตํารวจ กก.สส.2 บก.สส.บช.น. ทําการล่อซื้อ

ต่อมา เวลาประมาณ 17.30น. เมื่อเจ้าพนักงานตํารวจเดินทางไป ถึงบริเวณจุดนัดหมาย ได้จอดรถรอบริเวณในสถานีบริการน้้ำมัน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตํารวจที่นั่งรถมากับสายลับได้ลงจากรถ มารอบริเวณข้างเคียง ต่อมา นายพิษณุฯ ได้ เดินมาที่รถยนต์ของสายลับซึ่งมีเจ้าพนักงานตํารวจมองดูอยู่บริเวณข้างเคียง เพื่อทําการซื้อขายอาวุธปืนของกลางดังกล่าว

เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นอาวุธปืนของกลางดังกล่าว เจ้าพนักงานตํารวจจึง มอบเงินที่ใช้ทําการล่อซื้อให้แก่นายพิษณุฯ เป็นจํานวนเงิน 6,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 12,000 บาท สายลับได้แจ้งกับ นายพิษณุฯ ว่าจะโอนให้ และนายพิษณุฯ ได้รับเงินสดดังกล่าวไปแล้ว โดยสายลับได้ส่งสัญญาณให้เจ้าพนักงานตํารวจที่ ร่วมปฏิบัติการล่อซื้อให้เข้าทําการจับกุม

จากนั้น เจ้าพนักงานตํารวจได้ควบคุมตัวนายพิษณุฯ มายัง กก.สส.2 บก.สส.บช.น. เพื่อสอบสวนขยายผลอาวุธปืน จากการ สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับอาวุธปืน นายพิษณุฯ ได้ให้การว่า ได้เสนอขายอาวุธปืนดังกล่าวจริง โดยเสนอขายในราคา 18,000 บาท จากการสอบถามผู้ต้องหาอ้างว่า ตนไปซื้ออาวุธปืนมาจากตลาดจตุจักร เป็นปืนBB กัน ในราคา 1,900 บาท

กระทั่ง มาดัดแปลงลำกล้องที่บ้านพักของเพื่อนเมื่อประมาณ ปี 2566 และแจ้งว่าปลายปี 2566 เพื่อนได้ถูกจับกุมไปแล้ว และไม่สามารถระบุบ้านที่ไปดำเนินการได้ และมีเพียงกระบอกเดียว ที่ตัดสินใจนำออกมาขายเพราะต้องการนำเงินไปใช้เป็นทุนการศึกษา และยังแจ้งว่าไม่เคยนำปืนไปยิงใครเพราะหากระสุนไม่ได้ จากนั้นได้ทําบันทึกการจับกุม นําตัวส่ง พงส.สน.ภาษีเจริญ เพื่อดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน