ส่องชีวิตปัจจุบันของ “วิว เยาวภา บุรพลชัย” อดีตเทควันโดโอลิมปิก

ส่องชีวิตปัจจุบันของ “วิว เยาวภา บุรพลชัย” อดีตนักกีฬาเทควันโดหญิงทีมชาติไทย ที่เคยสร้างชื่อให้ประเทศ ด้วยการคว้าเหรียญทองแดงในโอลิมปิก 2004

แม้เวลาจะผ่านมานานหลายปีแล้ว แต่ชื่อของ “วิว เยาวภา บุรพลชัย” อดีตนักกีฬาเทควันโดหญิงทีมชาติไทยยังคงเป็นที่จดจำในใจคนไทยเสมอ

ด้วยผลงานแสนโดดเด่น สามารถคว้าเหรียญมาให้แฟน ๆ ชาวไทยได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเหรียญเงิน เอเชียนเกมส์ 2002, เหรียญทอง ซีเกมส์ 2003 และ เหรียญทองแดง โอลิมปิกเกมส์ ปี 2004 ซึ่งถือเป็นนักกีฬาเทควันโดคนแรกของไทยที่สามารถคว้าเหรียญโอลิมปิกเกมส์ได้ จึงทำให้ วิว เยาวภา กลายเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ เท่านั้นไม่พอยังช่วยจุดกระแสกีฬาเทควันโดในไทยอีกด้วย

สำหรับชีวิตปัจจุบัน วิว เยาวภา เลิกเล่นเทควันโดไปตั้งแต่ปี 2008 และผันตัวมาเป็นโค้ชสอนเทควันโด โดยเปิดโรงเรียนฝึกสอนเทควันโดเพื่อฝึกทักษะให้กับเยาวชน ชื่อว่า “วิว เทควันโด อคาเดมี” ล่าสุดได้มาร่วมฝึกสอนกับ “เยี่ยมยิมส์คลับ (Yeam’s gym club)” ในศูนย์กีฬาราชดำเนิน พุทธมณฑลสาย 3

โดย วิว เยาวภา ได้เผยถึงสาเหตุที่ตัดสินใจเลิกเล่นเทควันโดว่า เป็นเพราะร่างกายไม่พร้อม หลังตรวจพบว่าเอ็นข้อเท้าซ้ายขาด 3 เส้น ต้องทำการผ่าตัด ตนจึงตัดสินใจว่าจะกลับไปเรียนต่อและให้โอกาสเด็กรุ่นใหม่ได้โชว์ฝีมือ (ปัจจุบันอาการดีขึ้นมากแล้ว สามารถออกกำลังกายได้ปกติ แต่ไม่สามารถออกกำลังกายได้หนักเท่าสมัยที่ซ้อมและเตรียมตัวไปโอลิมปิกเกมส์)

นอกจากการงานจะรุ่งแล้ว ชีวิตครอบครัวก็ไปได้สวย โดย วิว เยาวภา ได้แต่งงานใช้ชีวิตคู่ร่วมกับ เกรียงไกร เพิ่มทวี สามีมานานนับสิบปี มีลูกน้อยน่ารักด้วยกัน 4 คน ชื่อว่า น้องวินดี้, น้องเรย์, น้องวอเตอร์ และ น้องเคลย์ ซึ่งเป็นชื่อที่มาจากธาตุทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ

ถึงแม้จะมีลูก 4 คน แต่ วิว เยาวภา เป็นคนเลี้ยงลูกเองโดยที่ไม่จ้างพี่เลี้ยง ด้วยเหตุผลที่ว่าลูกเราเราอยากเลี้ยงเอง แม้จะเหนื่อยแค่ไหนแต่ยังสามีช่วยเลี้ยง ซึ่งสามีเป็นคนที่รักครอบครัวมาก สามารถดูแลจัดการได้ทุกอย่าง

นอกจากนี้ วิว เยาวภา ยังเลือกให้ลูกเรียนแบบ “โฮมสคูล” โดยด้านวิชาการสามีจะเป็นคนสอน ส่วนตนจะสอนวิชาภาษาอังกฤษ ซึ่งทุกปีจะมีเจ้าหน้าที่มาประเมินและสำรวจว่าเรียนอะไรไปบ้างและช่วงปลายปีก็จะมีข้อสอบออกมาให้สอบเช่นกัน

“วิวมองว่าทุกคนสามารถเป็นครูให้ลูกได้หมด ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ปู่ย่าตายายก็สามารถเป็นได้ ทุกอย่างที่ลูกได้เรียนรู้ในชีวิตประจำวันคือการเรียนหมด ยกตัวอย่างเช่น บางทีคุณยายสอนทำขนม คุณย่าสอนทำอาหาร ก็เป็นอีกหนึ่งองค์ความรู้ ก็เป็นการเรียนเหมือนกัน ไม่ใช่หมายความว่า การเรียนจะต้องนั่งเปิดหนังสืออ่านอย่างเดียว มันคือการบูรณาการ และใช้ทักษะชีวิตในสถานการณ์จริง”