สาวกัมพูชาอุ้มท้อง 6 เดือน ร้องถูกอดีตสามีคนไทยหอบเงินล้านหนี

สุดช้ำ! สาวกัมพูชาอุ้มท้อง 6 เดือน ร้องทนายดัง ถูกอดีตสามีคนไทยทิ้ง แถมส่งเอกสารขับไล่ออกจากบ้าน หอบเงินที่ร่วมกันสร้างกว่า 1 ล้านบาทหนี

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 ก.ย. 67 น.ส.ปุม กุนเทีย อายุ 30 ปี สาวชาวกัมพูชา ได้หอบเอกสารเดินทางมาร้องเรียนกับทางนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิฯ ว่าที่ร้อยตรีรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิฯ เพื่อขอให้ช่วยเหลือ หลังถูกอดีตสามีชาวไทย ที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสทิ้งไปเมื่อกลางปี ขณะที่กำลังตั้งท้องได้ 6 เดือน หนำซ้ำยังหอบเงินที่ร่วมสร้างกว่า 1 ล้านบาทหนี พร้อมส่งเอกสารขับไล่ให้ออกจากบ้านที่ซื้อด้วยกัน ราคา 5 ล้านบาท อ้างว่าตนเองเป็น “ลูกจ้าง” ไม่ได้จ้างงานแล้วให้ออกจากพื้นที่ไป จึงเกิดความเครียดจนป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และคิดจะฆ่าตัวตายหลายครั้ง

1725957329547

 

น.ส.ปุม กุนเทีย เปิดใจทั้งน้ำตาว่า ตนรู้จักกับนายเจมส์ อายุ 29 ปี ผ่านทางแอปฯ เมื่อประมาณปี 2562 หลังจากที่มีการนัดเจอกัน และพูดคุยกันก็คบหาดูใจ เป็นแฟนได้ 1 ปี ก็เริ่มวางแผนอนาคต ตัดสินใจเช่าแผงสินค้าภายในตลาดแห่งหนึ่ง และร่วมกันลงทุนสร้างฐานะ ซื้อบ้านด้วยกัน ราคาประมาณ 5 ล้านบาท ตนเป็นชาวกัมพูชา จึงไม่สามารถทำเอกสารได้ จึงให้นายเจมส์ทำเรื่องเอกสารให้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสัญญาเช่าแผงขายผลไม้ในตลาด สัญญาเช่าซื้อบ้าน และเปิดบัญชีธนาคารต่างๆ ด้วยความที่ตนไว้ใจ และนายเจมส์ดูเป็นคนดี ตนอยากฝากอนาคตไว้ที่นายเจมส์ และตั้งใจจะมีลูกด้วยกัน

หลังจากใช้ชีวิตด้วยกัน 4-5 ปี ตนได้ทำงานและเก็บเงินร่วมกันเกือบหลักล้าน พอช่วงต้นปี 2567 ที่ผ่านมา หลังจากที่ตนตั้งครรภ์ได้ประมาณ 1-2 เดือน จึงเริ่มมีปัญหา มีปากเสียงกัน ตนคิดว่าตัวเองท้องจึงเริ่มมีเรื่องของฮอร์โมน รวมไปถึงปัญหาเก่าที่ระหองระแหงกัน นายเจมส์ พยายามจะตีตัวออกห่าง และขอเลิก ตนสงสารลูกเลยพยายามยื้อมาตลอด จนเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นายเจมส์มาบอกเลิก และออกจากบ้านไป ในตอนนั้นตนเองยังพยายามจะขอพูดคุย แต่นายเจมส์ขาดการติดต่อ และมีการโทรมาหา ไล่ตนให้ย้ายออกจากบ้านหลังดังกล่าวทันที แต่ด้วยความที่ตนเสียเปรียบเพราะบ้านเป็นชื่อของนายเจมส์ ทั้งที่ตนเป็นคนผ่อนบ้านเดือนละ 17,800 บาท ตนขอเจรจาว่าจะย้ายออกให้หลังจากคลอดลูก

1725957353631

นอกจากนั้น นายเจมส์ได้ไปบอกเลิกสัญญาแผงขายของที่ตลาดแห่งหนึ่ง โดยตัดช่องทางการทำมาหากินของตน ตนไม่มีที่ทำกิน ขาดรายได้ หนำซ้ำยังต้องแบกรับค่าใช้จ่ายส่วนตัว ทั้งเรื่องของการตั้งครรภ์ ฝากครรภ์ และภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ หลังจากนั้นตนเห็นภาพสตอรี่ทางไอจีของนายเจมส์ ที่ไปเที่ยวกับหญิงสาวรายหนึ่ง พร้อมลงรูปไปนั่งกินชาบูด้วยกัน หลังจากขอแยกทางกับตนได้ 1 เดือน ตนจึงทักไปหาหญิงสาวรายดังกล่าว ซึ่งทางฝ่ายหญิงก็ไม่ทราบเรื่อง และขอโทษตน

ที่ช้ำใจสุดคือ นายเจมส์ได้มีการส่งเอกสารระบุข้อความขอให้ตนเองย้ายออกจากบ้าน และในเอกสารระบุว่าตนเองเป็น “ลูกจ้าง“ อ้างว่าตนไม่ได้เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของนายเจมส์แล้ว พร้อมระบุว่าจะมีการตัดน้ำ และตัดไฟ ภายในสิ้นเดือน สิงหาคม 2567 ทันทีที่ตนเห็นเอกสารฉบับดังกล่าวนั้น ยอมรับว่ารู้สึกเสียใจ และเจ็บใจมาก มองว่าเป็นการไม่ให้เกียรติในฐานะแม่ของลูก เพราะตนไม่ได้เป็นลูกจ้างแต่เป็นภรรยาของนายเจมส์